วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ดอกมะลิ




ดอกมะลิ
มะลิมีลักษณะต้นเป็นไม้พุ่ม ไม้เลื้อย และไม้รอเลื้อย ใบมีทั้งใบเดี่ยวและใบรวม การจัดเรียงตัวของใบมีทั้งแบบใบอยู่ตรงกันข้าม ใบแบบสลับกัน ดอกมีสีขาว กลีบดอกมีชั้นเดียวและหลายชั้น เป็นดอกเดี่ยวและดอกช่อดอกจะออกจากยอดหรือข้างกิ่งส่วนมากมีกลีบเลี้ยง 4-9 กลีบ กลีบดอกมี 4-9 กลีบ โดยปกติดอกจะเริ่มบานในเวลาบ่ายแล้วร่วงในวันรุ่งขึ้น มะลิจะให้ดอกมากในฤดูร้อนและฤดูฝนแล้วจะน้อยที่สุดในฤดูหนาว

มะลิ เป็นไม้ดอกสีขาวที่มีกลิ่นหอม สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น เก็บดอกมาร้อยเป็นพวงมาลัย ทำเป็นดอกไม้แห้ง หรือนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหย นอกจากการใช้ประโยชน์จากดอกมะลิแล้ว ส่วนต่าง ๆ ของมะลิก็ยังนำมาใช้เป็นพืชสมุนไพรรักษาโรคได้ เช่นดอกสด ดอกแห้ง ใบสด ต้น ราก ดอกมะลิ มีหลายชนิดหลายพันธุ์ เท่าที่ คุ้นๆ ชื่อกัน ก็มีทั้ง ดอกมะลิซ้อน มะลิลา มะลิวัลย์ ฯลฯ ค่ะ

มะลิซ้อน มะลิลา เป็นไม้พุ่ม มีสูงประมาณ 1.5 เมตร มีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกันบางพันธุ์เป็นไม้รอเลื้อย ใบเป็นแบบใบเดี่ยวออกตรงข้าม สีเขียวอมเหลือง สัณฐานของใบเป็นรูปไข่ปลายใบแหลม ดอกมีทั้งดอกซ้อนและดอกลาออกเป็นช่อเล็ก ๆ ดอกที่อยู่ตรงกลางจะบานก่อน กลีบดอกจะบานก่อน กลีบดอกสีขาวโคนดอกติดกันเป็นหลอดสีเขียวอมเหลือง มีกลิ่นหอมชื่นใจและค่อนข้างจัด เกสรตัวผู้มี 2 อัน ออกเอกมากในฤดูร้อนและฤดูฝน ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและการตอน

มะลิ นอกจากจะเก็บดอกมาร้อยเป็นพวงมาลัย ทำเป็นดอกไม้แห้ง หรือนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
ดอกสด - ใช้รักษาโรคตาเจ็บ แก้ไข้ตัวร้อน แก้หวัดดอกแห้ง
- ใช้ปรุงเป็นสารแต่งกลิ่น ใบสด
- นำมาตำให้ละเอียดจะช่วยรักษาแผลพุพองและแผลฝีดาษ
ต้น - ใช้รักษาโรคคุดทะราด ขับเสมหะและโลหิต ราก นำมาฝนใช้แก้ปวด รักษาโรคร้อนในและอาการเสียดท้อง
ราก - เป็นยาถอนพิษต่างๆ ได้ จากการที่มีการนำมะลิมาใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้านจึงทำให้มะลิเป็นไม้ดอกที่มีความสำคัญทางการค้ามากขึ้น พื้นที่ปลูกที่สำคัญของไทย ได้แก่ จังหวัดนครปฐม นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน หนองคาย และสมุทรสาคร
การจำหน่าย มะลิจะมีทั้งในและต่างประเทศโดยตลาดต่างประเทศจะมีการส่งออกในรูปพวงมาลัย ดอกมะลิสดและต้นมะลิ




ดอกกล้วยไม้

ลักษณะทั่วไปของกล้วยไม้
กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีลำต้นเป้นข้อปล้อง ผิวเปลือกเรียบบางสีเขียว การเจริญของลำต้นโดยการแยกหน่อออกจากข้อ กล้วยไม้บางชนิดเรียกส่วนของข้อและปล้องว่าลำลูกกล้วยบางชนิดมีระบบรากแบบกึ่งอากาศใบเรียงตัวสลับกันตามข้อลักษณะใบเรียบสีเขียว ขนาดของใบและลักษณะอื่น ๆ แตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์ ดอกออกเป็นช่อตามส่วนยอดหรือข้อของลำต้น ช่อหนึ่งมีดอกประมาณ 10-30 ดอก ลักษณะดอกมีเดือยอยู่ตรงกลาง กลีบดอกแยกออกเป็นส่วน ๆ เรียงตัวกันรอบเกสร มีกลีบดอกประมาณ 5 กลีบ ซึ่งมีสีสรรและขนาดของดอกแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์

การเป็นมงคลของกล้วยไม้
คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นกล้วยไม้ไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความประทับใจแก่บุคคลทั่วไปเพราะลักษณะดอกของกล้วยไม้แสดงถึงความงดงาม ประทับใจยิ่งแก่บุคคลทั่วไปที่ได้พบเห็น นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่ายังช่วยทำให้คนในบ้านเป็นผู้มีจริยธรรม เพราะการดูแลกล้วยไม้ให้เกิดดอกที่สวยงาม ต้องเป็นผู้มีจิตใจ และอุปนิสัยเยือกเย็น มีความปราณีตและละเอียดละออ ยังมีกล้วยไม้บางชนิดได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีกล้วยไม้ ได้แก่ กล้วยไม้ชื่อ คัทลียา (Catteya) ทั้งนี้เพราะมีความสวยงามมากเป็นที่ประทับใจแก่สังคม
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นไม้ไว้ทางทิศตะวันออกผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ ทั่วไปทาดอกให้ปลูกในวันพุธ ถ้าให้เป็นสิริมงคลยิ่งขึ้นผู้ปลูกควรเป็นผู้ใหญ่ที่ควรเคารพนับถือ และประกอบคุณงามความดีก็จะเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น

การปลูกกล้วยไม้ วิธีที่นิยมปลูกมี 2 วิธี คือ
1. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงแบนแบบแหวนห้อยได้ จะเป็นกระถางไม้ หรือกระถางดินเผาก็ได้แต่ต้องเป็นชนิดที่โปร่งระบายน้ำได้ดีเพราะกล้วยไม้ใช้รากในการหายใจด้วยและยึดเกาะทรงต้นให้แข็ง แรงด้วยขนาดกระถางปลูก6-12นิ้วถ้าใช้กระถางทรงสูงก็ได้ต้องใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวปักไว้ตรงกลางกระถางเพื่อให้ รากยึดเกาะสำหรับวัสดุที่ใช้ปลูกนั้นได้แก่ดินผสมพิเศษหรือกาบมะพร้าวซึ่งลักษณะการปลูกขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ถ้าใช้เพื่อประดาบ ภายในอาคาร ควรให้ได้รับแสงบ้างอย่างน้อย 3 - 5 วันต่อครั้ง
2.การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนนิยมใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวเพื่อให้รากยึกเกาะจะปลูกในแปลงปลูก บริเวณบ้าน หรือทำเป็นสวนขนาดใหญ่ก็ได้ส่วนการปลูกแบบให้เกาะกับต้นไม้อื่นเช่นต้นไม้ยืนต้นวิธีปลูกโดยนำเอากาบมะพร้าว มาห่อหุ้มส่วนรากหรือโคนของกล้วยไม้เอาไว้ เพื่อให้ยึดติดกับต้นไม้ยืนต้นนั้นไว้ การปลูกแบบนี้ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ด้วย


การดูแลรักษากล้วยไม้
แสง ต้องการแสงแดดรำไร หรือปานกลาง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน / ครั้ง
ดิน ดินผสมพิเศษ กาบมะพร้าว
ปุ๋ย ปุ๋ยอินทรีย์ผสมพิเศษ หรือปุ๋ยเคมี สูตร 10-10-10 5-10-5 อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก ละลายน้ำฉีดพ่นตาม ใบ ควรให้ 1 - 2 เดือน / ครั้ง

การขยายพันธุ์ การแยกหน่อ การปักชำ การเพาะเนื้อเยื่อโรค
โรคเน่าดำ (Black not disease)
อาการ ใบและลำต้นมีรอยเป็นสีดำ ต่อมาทำให้ใบเหี่ยวหลุดร่วงการป้องกัน
- อย่าให้น้ำแฉะเกินไป
- รักษาความสะอาดอุปกรณ์และเครื่องมือปลูก


การรักษา ตัดหรือทำลายส่วนที่เป็นโรคทิ้ง หรือใช้ 8 ไฮดร๊อคซี่ควิโนลิ่น ซัลเฟต อัตราส่วนและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก
โรคเหี่ยว Fusarium wilt
อาการ ใบและลำต้น มีสีเหลืองซีด แห้ง บิดงอการ
- อย่าให้น้ำแฉะหรือมากเกินไป
- รักษาความสะอาดอุปกรณ์และเครื่องปลูกการรักษา นำต้นที่เป็นโรคเผาทำลาย
ศัตรู เพลี้ยไฟ
อาการ กลีบดอกแห้งและร่วงการป้องกัน ใช้ยาคลอเดน 75% อัตราและคำแนะนำการใช้ระบุไว้ตามฉลากฉีดพ่น บริเวณใบและดอกขณะดอกยังตูม
การกำจัด ช้ยานิโคตินซัลเฟต 40% อัตราและคำแนะนำการใช้ระบุไว้ตามฉลาก

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไอครีมทอดคล้ายร้อน
ช่วงนี้อากาศบางวันก็ร้อนเสียเหลือเกิน ของหวานทานเล่นที่ทุกคนอยากทานในวัน อากาศร้อนๆ คงหนีไม่พ้น ไอศครีม แต่จะกินแบบเดิมๆ ทุกวันก็เบื่อแย่เลย อยากนำเสนอวิธีทำ ไอศครีมทอด สไตล์ยุโรป เอาหละอยากรู้แล้วสิว่าทำยังไง ลองมาดูกันเลย


ส่วนผสม ไอศครีมทอด
1. ไอศครีมรสที่ชอบ เราสามารถหาซื้อได้จากห้างทั่วไปที่ขายเป็นกล่อง
2. ซีเรียลอาหารเช้า (Corn flakes) บดละเอียด สำหรับเคลือบไอศครีม
3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
4. Whipped cream และ Topping สำหรับตกแต่งหน้าไอศรีม


วิธีทำ ไอศครีมทอด
1. ตักไอศครีมที่เย็นจัด มาคลุกบน corn flakes ซีเรียลบดละเอียด
2. นำไอศครีมที่เคลือบด้วย Corn flakes ชุบลงในไข่ที่ตีไว้ให้ทั่วทั้งลูก
3. ชุบ Corn flakes ให้ทั่วอีกครั้ง โดยให้แน่ใจว่า corn flakes เคลือบผิวของไอศรีมทุกจุด
4. นำไอศครีม กลับเข้าไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น เพื่อให้ไอศครีมแข็งตัวที่สุด
5. ตั้งน้ำมันร้อน (ใช้น้ำมันใหม่เท่านั้น ห้ามผ่านการทอดของคาวมาก่อน)
6. นำไอศครีมออกจากตู้เย็น ลงจุ่มในน้ำมันประมาณ 10 – 15 วินาที
7. นำขึ้นใส่ภาชนะ ตกแต่งด้วย Topping และ Whipped cream รับประทานทันที

เป็นไงสำหรับสูตรไอศครีมทอด สูตรนี้ทำง่ายๆ เลยใช่ไหม เหมาะมากสำหรับการทำรับประทานกันในงานปาร์ตี้ หรือวันหยุดสบายๆ ของครอบครัว หากเพื่อนคนไหนมีอะไรแนะนำ ก็แสดงความคิดเห็นมาได้เลย

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553


น้ำกล้วยหอม
ต้นกล้วย ลักษณะทั่วไป มีเหง้าใต้ดินสีน้ำตาลเข้ม ต้นบนดินมีลักษณะเป็นกาบใบซ้อนหุ้มห่อกันอัดแน่น เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ใบกว้าง เส้นกลางใบนูนหลังใบสีเขียวเข้ม มีนวลสีขาว มีดอกเรียกว่าหัวปลี ผลเป็นเครือ ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกจะมีสีเหลือง

ส่วนผสม
1. กล้วยหอมหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วยตวง
2. น้ำสุก 1 ถ้วยตวง
3. น้ำเชื่อม ½ ถ้วยตวง
4. นมสด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำกล้วยหอมปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นๆใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสุก
2. น้ำเชื่อม นมสด ปั่นจนกล้วยหอมละเอียด
3. จะได้น้ำกล้วยหอม สีเหลืองอ่อน รสชาติหอมหวานชื่นใจ


ประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพร

กล้วยหอม มีวิตามินเอ วิตามินซี ฟอสฟอรัส โปรตีน แคลเซียม มีสารเพกติน มีน้ำตาลหลายชนิด ใบตอง ใช้ปิดแผลไฟไหม้ ใช้ห่อขนม , ลำต้น ใช้ทำแพ ใช้เลี้ยงหมูเปลือกกล้วยหอมสุก ช่วยรักษาส้นเท้าแตก , กาบกล้วย ใช้ทำเชือกยางกล้วย ใช้ห้ามเลือด , หัวปลี ใช้ยำ แกงเลียงเนื้อกล้วย ฝานทอดอบเนย ทำเค้กกล้วยหอม